หลังจากดู ratio ต่างๆแล้วว่ามันก็ไม่เลว(ก่อนงบออกนะครับ)
งบการเงินก็ดูดีใช้ได้ ที่สำคัญปันผลล่อใจ
งบการเงินก็ดูดีใช้ได้ ที่สำคัญปันผลล่อใจ
อีกทั้งทำ scuttlebutt อย่างหย้าบหยาบมาแล้วด้วย
คือถามเพื่อนๆ ผญ. และแฟน แม่ ว่าเคยรู้จักร้าน พรีมา โกว มั้ย
เค้าก็ว่ารู้จักกัน มีแบรนด์ แถม PRANDA เองยังมีธุรกิจแบรนด์อื่นๆในต่างประเทศอีกครับ
เรียกว่าทั้งทำเอง ขายเอง กันเลยทีเดียว
และถ้าจำกันได้ช่วงนั้น มีเหตุการณ์ที่ราคาทองดิ่งลงเหวอย่างไม่คาดฝัน
ซึ่งจริงๆผมคิดว่าจะเป็นผลดีมากๆกับ PRANDA นะครับ
เพราะวัตถุดิบหลักอย่างนึงถูกลง แต่ไม่รู้ว่าราคาขายต้องขยับลงด้วยมั้ย
(ซึ่งผมเดาเอาเองว่า ต่อให้ลง ก็คงไม่ขยับลงเยอะเท่าราคาทองที่ลง)
(ซึ่งผมเดาเอาเองว่า ต่อให้ลง ก็คงไม่ขยับลงเยอะเท่าราคาทองที่ลง)
ราคาหุ้นรายวันจากที่ซื้อก็ไม่ค่อยขยับมากนักครับ
unrealize เป็นบวกบ้างนิดๆหน่อยๆครับ
และแล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นในวันที่ 15/5/56 ครับ
หรือที่หลายๆท่านทราบ มันคือ 45วัน หลังจบ Q1 หรือคือวันสุดท้ายของการประกาศงบนั่นเอง !!!
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ หุ้น PRANDA เหมือนถูกทุบทิ้งกันตั้งแต่ ATO หรืออย่างไรไม่ทราบได้ครับ
เปิดตลาดตอน 10โมงปุ๊บ ลงฮวบ 15% ผมอึ้งครับ เพราะเมื่อคืนนั่งดูอยู่ว่ายังไม่มีงบของ PRANDA
ไม่รอช้าฮ่ะ รีบไปหามาดูว่างบออกรึยัง ปรากฎว่าออกแล้วจริงๆครับ
เอามาอ่านดูได้ความดังนี้
แต่ผมไม่ได้ดูแค่บทสรุปของ EPS นะฮะ
เราไปต่อกันที่รายละเอียดกันซักหน่อย
ผมอ่านได้ความว่า
ยอดขายยังโอเค ปีนี้ เพิ่มจาก 966 เป็น 971
แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มมา 160m เป็นต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 100 และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 60
ซึ่งตรงนี้แหละครับ ที่ข่าวเค้าเอาไปเล่น ทุกข่าวพูดถึงการแข็งค่าของเงินบาทอย่างหนัก
ซึ่งทำให้เกิดการขาดทุนตรงนี้ จากปีก่อนกำไร 11 ปีนี้ขาดทุนถึง 62
ถ้าคิดแบบไปกลับเลยคือเงินหายไปถึง 73m นะครับ
แต่ผมไม่สนใจเท่าไหร่ เพราะตรงนี้มันเป็นเงินที่ยังไม่ได้ขาดทุนจริงๆนะครับ
เป็นการเอาตัวเลขของบริษัทในต่างประเทศมาแปลงเป็นเงินไทย ณ ตอนนั้น ทำให้ขาดทุน
ที่ผมสนใจคือต้นทุนขายที่บานตะไทขึ้นมาจาก 593 เป็น 685 หรือ 90ล้าน
( Gross Profit Margin ลดลงจาก 38.6% เหลือ 29.5% )
ตรงนี้ ในการชี้แจงผลการดำเนินงานเค้าบอกว่าเกี่ยวกับการทำโปรโมชัน บวกกับ
มีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้ากล่มเครื่องประดับทองเพิ่มขึนครับ
ที่ราคาก้นเหวของวันนั้น ขณะที่ทุกคนเทขาย ผมกล้าถัว(นิดๆ) ที่ 8.2 ครับ
เพราะผมพอทราบว่าทำไมราคาลงหนักนัก และคิดเอาเองว่าคงเพราะ panic sell
แต่กิจการยังดำเนินไปได้ดี แค่บันทึกการขาดทุนจากค่าเงินที่มากขึ้น และมีต้นทุนขายเพิ่มขึ้นเยอะหน่อย
แถมมีเหตุผลของต้นทุนที่เยอะขึ้นด้วย
แต่สำหรับผมถือว่าไม่เลวร้ายครับ ในราคานี้ผมยังอยากได้หุ้นเพิ่ม
วันต่อมาก็ยังลงต่อครับ ไปก้นเหวที่ 7.85 ผมตั้งถัวอีก(มากขึ้นหน่อย)ที่ 7.9 แต่เสียดายไม่ได้หุ้นครับ
สรุปรวมตอนนี้ทุนของผมอยู่ 9.02 แต่ราคาตลาดอยู่ที่ 8.55 (23/5/2013)
อาจยังลบเยอะอยู่ครับ เพราะวันนั้นตลาดแดงเทือก
ตอนนี้ ผมเห็นความสำคัญของการศึกษางบและอ่านคำชี้แจงต่างๆมากขึ้นแล้วครับ
ถ้าผมไม่ได้ความรู้ตรงนี้คงไม่กล้าถัว แถมอาจกลัวจนขายทิ้งด้วยซ้ำ...