วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การถกเถียงที่มีประโยชน์ [เคสSPCG]

เมื่อตะกี้นี้เองครับ
ผมได้คุยกับเพื่อนสนิทคนนึง
จริงๆแล้วมันเก่งกว่าผมมากในเรื่องหุ้น
มันจบบัญชีครับ เวลาผมมีคำถามเกี่ยวกับงบหรือแม้แต่ตัวหุ้นเอง ก้มักจะไปคุยกับมันเสมอๆ

ประเด็นวันนี้เริ่มที่มันบอกว่า ไหนลองวิเคราะห์ SPCG คร่าวๆมา
มันอยากได้มุมมองของ vi [เพื่อนผมเป็น hybrid]
ให้เวลา1ชม. ขณะที่มันไปอาบน้ำ

ผมก็คิดว่า ผมรู้แค่ SPCG นี่ทำพลังงานสะอาด รู้แค่นี้เลยจริงๆ
ก็จัดการเปิด settrade ออกมาดูครับ ปรากฎว่า การมองของผมกับมันนั้นต่างกันอย่างมาก
ผมใช้เวลาแค่ 5-10นาที ปิดการวิเคราะห์แบบหย้าบหยาบบบ ของผม
ด้วยข้อความที่ส่งไปหามันดังนี้


มันตอบมาว่า รู้ป่าวว่าการกู้หรือการชำระหนี้ไม่เกี่ยวกับกำไร มันอยู่ที่CF
ซึ่งผมก็รุ้อยู่นะครับ แต่การที่จะเอาเงินกำไรหลัก 100 ไปใช้หนี้ระยะยาวหลักหมื่นเนี่ย
มันไม่ค่อยเซฟเลยสำหรับผม แถมกำไรจะแน่นอนมั้ยก็ยังไม่รู้
และที่ PE 35 คือคิดว่างบครึ่งปีนี้แล้ว*2 ซึ่งสูงสุด โดยไม่เอางบของปีก่อนมาเกี่ยวข้อง
ถ้าทำจะได้ pe ที่สูงกว่านี้มากครับ

คำถามต่อมาของมันคือ เวลาใช้หนี้Dr. Cr. อะไร
ซึ่งผมเคยไปอ่านหนังสือบัญชีเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว1รอบ
บอกเลยครับว่า งง ไม่ค่อยเข้าใจ ตรงนี้เลยยอมแพ้ไป ตอบไม่ได้ครับ
(ผมไม่ได้เรียนบัญชีนะครับ ผมเรียน com-sci.)
มันซัดกลับมาว่า

ซึ่งผมก็บอกว่า เฮ้ย ไม่ใช่ขนาดนั้นนะ แต่รายได้หรือการดำเนินธุรกิจต้องแน่นอนหน่อย
หรืออย่างน้อยขอให้เห็นภาพหน่อย อย่างผมถือ BGH ที่ PE 32-33 ได้ ด้วยเหตุผลต่างๆมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ DCA (durable competitive advantage) หรือการลงทุนเตรียมพร้อมรับ AEC ต่างๆ
ผมสรุปความสงสัยในใจ ในส่วนของ quantity (โดยไม่สนใจ quality) ไปหามัน ดังนี้
- แล้วก้ไม่รุ้ด้วย ปีหน้าจะหนี้เพิ่มรึเปล่า
- ไม่รุ้ดอกจะกินกำไรหมดมั้ย
- รายได้ กำไร จะแบบนี้รึเปล่า
- อาจจะก้าวกระโดดแบบที่มึงอยากได้ก้ได้ อันนี้กุไม่รุ้ เพราะไม่เคยดูตัวธุรกิจ

มันก็ยกตัวอย่างหุ้นอื่นๆที่เคยเกิดเหตุการณ์คล้ายกันนี้ครับ
เช่น bts หรือ ck ซึ่งอย่าง bts ก็เกิดได้จริงๆ แต่หลักในการลงทุนของผมยังไม่เปลี่ยน
bts แต่ก่อนนู้นผมมองว่าเฉยๆ หนี้ก็เยอะ
ขนาดคนเต็มรถ รายได้ยังแค่นี้ เมื่อเทียบกับราคาหุ้น ราคาจึงออกจะแพงไปหน่อย
จะเพิ่มรายได้แปลว่าต้องซื้อรถใหม่ เพิ่ม cost การลงทุนเข้าไปอีก
แต่ใครจะรู้ครับถ้าไม่ได้ศึกษาจริงๆว่าจะมีรถไฟฟ้าไปทั่วกรุงเทพ หรือตั้งกองทุนขึ้นมาด้วย
ทั้งยังกลายเป็นระบบขนส่งที่ดีวันดีคืน คนใช้มากขึ้นๆ
พออะไรๆชัดเจน ความน่าลงทุนก็เกิดขึ้นมาครับ
นี่จึงเป็นของดีของคนที่มอง trend ออก และเป็นข้อเสียของผมที่ยังมองไม่ออก

ต่อกันที่มันบอกว่ารอน่ะเซฟดี แต่ราคามันไม่รอนะ
ถ้าเราลงทุนแต่เนิ่นๆ โอกาสกำไรหลายๆเด้งก็มากกว่า
ผมตอบกลับไปแบบนี้ครับ (สีเขียว)

ผมคิดแบบนี้จริงๆนะครับ ว่าถ้าตัวธุรกิจ(อาจรวมถึงงบ)ยังไม่แสดงความชัดเจนออกมา
ผมจะรอจนกว่ามันจะชัดเจน กำไรอาจน้อยลงเยอะ แต่ดีกว่าเอาเงินไปเสี่ยง
และยิ่งเรามีเงินจำกัด บางทีเราควรเอาเงินก้อนนั้นไปลงทุนในหุ้นตัวที่เราเข้าใจและมั่นใจกว่า
หรื่อในกรณีของ vi ท่านอื่นๆ อาจบอกว่าเอาไปลงตัวที่มี MOS ดีกว่า

ที่พิมพ์มาให้อ่านนี่จะบอกว่าไม่มีใครถูกผิดหรอกครับ
ที่เราเถียงๆกัน มันมีประโยชน์กับทั้งคู่ ผมพัฒนาขึ้น ส่วนมันอาจได้มุมมองของคนที่เซฟขึ้น
มันอยู่ที่มุมมองจริงๆ ครับ ถ้าคนมองเหมือนๆกันหมด หุ้นทั้งตลาดราคาขยับไม่ได้หรอกครับ
อย่างเพื่อนผม มันมองว่าของดี ซื้อแพงตอนนี้ มันจะถูกมากในวันข้างหน้า
ก็คงคล้ายๆเคสที่ CPALL เทค MAKRO ไปน่ะครับ
ถ้ามันถูก มันก็อาจรวยจาก SPCG เลยก็ได้
เพราะดูๆแล้วถ้าลงทุนแต่เนิ่นๆ growth อาจจะมหาศาลเลยทีเดียว
ส่วนผมมองในแง่ของการตั้งรับ ถ้าอะไรๆยังไม่ชัดเจน
เราก็ไม่ควรเอาเงินไปเสี่ยง เพราะธุรกิจดีได้ก็พังได้เหมือนกัน
(อันนี้ผมตอบไม่ได้ เพราะมีเวลาไม่มากพอที่จะศึกษาตัวธุรกิจจริงๆ)
เราอาจนำเงินนั้นไปลงทุนในธุรกิจที่คิดว่าดีกว่าหรือมั่นใจมากกว่า จะดีกว่าครับ

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เมื่อพื้นฐานเปลี่ยน ยังไงก็ต้องขาย ((HTECH))

สวัสดีครับ
ห่างหายไปซะนานเลย
วันนี้กลับมาเคาะคีบอร์ดอีกครั้ง
ก็เหมือนเคยครับ กำไรไม่เล่า บันทึกเรื่องขาดทุนเป็นหลัก
(จริงๆ กำไรไม่ค่อยจะมี แฮะๆ  T____T)

วันนี้เป็นวันที่ผมตัด หุ้นHTECH ทิ้ง เพราะเหตุผลทางด้านการเงินและธุรกิจ
(วันนี้งบออกวันแรกครับ รีบอ่านเสร็จก็ตัดสินใจทยอยขายเลย)
ก่อนอื่นเรามาดูกันครับ เมื่อครั้งที่ผมบันทึกไว้ว่าทำไมถึงเข้าลงทุนใน HTECH

จาก Annual report 2011 และการวิเคราะห์ของผมเอง
ผลิต รับจ้างผลิต และจำหน่ายเครื่องมือตัด (Cutting Tools) ที่ทำมาจากเพชรสังเคราะห์
รองรับงานด้านอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Hard Disk Drive และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
ธุรกิจผลิตเครืื่องมือ ธุรกิจผลิตชิิ้นส่วนโลหะ ธุรกิจจัดจำหน่ายเครืื่องมือตัดโลหะ
มีสาขาที่สิงคโปร์

- อุตสาหกรรมผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟมีการแข่งขันด้านราคาและเทคโนโลยีที่สูง
- ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟมีการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำทั่วโลก
- ได้รับการส่งเสริมโดยสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) เช่น ยกเว้นอาการขาเข้าเครื่องจักร ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล BOI 8ปี เริ่มปี 51  เว้นภาษีนำเข้าถึง กย.57

- ผู้บริหารประมาณว่าในปี 2554 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ร้อยละ 40 ของปริมาณ
การใช้เครื่องมือตัดประเภท PCD ในประเทศไทย
- บริษัทมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง โดยลูกค้าหลักของบริษัทส่วนใหญ่เป็นบริษัทผู้ผลิตที่มีมาตรฐานสินค้าคุณภาพสูง
- การพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องและความนิยมที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคาของ Flash memory ลดลง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟและทำให้บริษัทได้รับความเสี่ยงจากการพึ่งพิงอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์เพียงอย่างเดียว
- สัดส่วนยอดขาย HD มี 72% ในปี 54 , 79% ปี53 พยายามลดอยุ่ ไปทำอย่างอื่นมากขึ้น เช่นชิ้นส่วนบายยนต์
- Q2/55 กับ Q1/55 กำไรQละ 40m แต่ Q3/55 กำไร 25.9m ไม่รุ้ทำไม แต่ครึ่งปีของปี55 ก้กำไรเกิน54ทั้งปีแล้ว
- แต่ปี55 จน.หุ้นเพิ่มเปน 256.2m แต่54 จะอยุ่แค่ 240m

- ปี 54 EPS 0.36 ตอนนี้ Q3/55 EPS 0.38

กำไรขั้นต้น 40 กำไรสุทธิ 20% จากยอดขาย ดีมาก
ROE ROA ดี 20 กับ 15%
D/E ประมาณ 0.45 เท่า
ถ้าจำไม่ผิดท้ายปี55 หรือต้น56 ผมฟัง ผบห. บอกว่าจะพยายามรักษาอัพตรากำไรสุทธิไว้ที่ 20% ครับ

โอเคครับ ทราบเหตุผลที่ซื้อกันไปแล้ว
ทีนี้มาถึเหตุที่ตัดสินใจขายHTECH นะครับ
HTECH มีรายได้เท่าๆเดิม yoy แต่มี คชจ. มากขึ้นจาก 95 เป็น 121m
มีกำไรก่อนภาษีและดอกเบี้ยจ่ายหรือ EBIT ที่ 16m จาก 41m  แค่นี้ก็เริ่มแย่แล้วครับ
แต่ว่าภาษียังเสียมากขึ้นด้วย ซึ่งผมยอมรับว่าไม่รู้จริงๆว่าทำไม
รวมแล้วกำไร15m จาก 40m YoY ครับ
EPS ปี56 เทียบปี55 คือ 0.0471 กับ 0.1519 ครับ
เมื่อคิดอัตรากำไรสุทธิก็จะได้ราวๆ 11% ครับ ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ ผบห. พูดไว้
นี่คือจุดเปลี่ยนทางด้านการเงินสำหรับผมนะครับ

[จาก ชี้แจงผลการดาเนินงาน]
"เนื่องจากในไตรมาสที่ 1-2/2555 บริษัทมียอดขายสูงผิดปกติจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้าท่วมช่วงปลายปี 2554 แต่ในช่วงปลายปี 2555 ที่ความต้องการของลูกค้าในกลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เริ่มลดลงจากการหดตัวของอุตสาหกรรมอย่างรุนแรง"

และตรงนี้ผมถือเป็นจุดเปลี่ยนอย่างมากของธุรกิจนะครับ
เพราะว่ากลุ่มฮาร์ดดิส(HD) ตอนนี้ไม่ดีอย่างเดิมแล้ว ทำให้ htech เองต้องไปเน้นที่กลุ่มรถ
และอุตสาหกรรมอื่นมากขึ้น (เช่นซื้อ HS หรือ Halcyon Technology Singapore)
ซึ่งกว่าจะกำไรเท่า HD ซึ่งน่าจะมีสัดส่วนกว่า 70% ของกำไรรวมก็คงจะยากมากกก
และถึงแม้จะทำได้ ก็ยังมีด่าน BOI ซึ่งจะหมดอายุในปี57อีก

ตรงนี้ผมต้องยอมรับความผิดพลาดแล้วครับ
ว่าวิเคราะห์ผิดทาง ตอนซื้อไม้รู้เลยจริงๆว่า HD จะอ่อนแอลงแบบนี้
จริงๆพอจะทราบตั้งแต่ Q1/56 แล้ว ว่า HD ไม่ดีเหมือนก่อน
แต่ยังยื้อจะรอดู Q2 ตอนนี้ตัวเลขก็ออกมาค่อนข้างชัดเจนครับ
ต้องยอมรับและตัดขาดทุนกันไปครับ



* ที่เขียนมาไม่ได้มีเจตนาบอกให้ขายนะครับ
บางทีบริษัทอาจอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงธุรกิจหรืออาจดีขึ้นมากๆในอนาคตด้วยซ้ำ
ทั้งนี้อาจเป็นโอกาสสำหรับซื้อของบางท่านด้วย
ต้องแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนไปครับ