ผมได้คุยกับเพื่อนสนิทคนนึง
จริงๆแล้วมันเก่งกว่าผมมากในเรื่องหุ้น
มันจบบัญชีครับ เวลาผมมีคำถามเกี่ยวกับงบหรือแม้แต่ตัวหุ้นเอง ก้มักจะไปคุยกับมันเสมอๆ
ประเด็นวันนี้เริ่มที่มันบอกว่า ไหนลองวิเคราะห์ SPCG คร่าวๆมา
มันอยากได้มุมมองของ vi [เพื่อนผมเป็น hybrid]
ให้เวลา1ชม. ขณะที่มันไปอาบน้ำ
ผมก็คิดว่า ผมรู้แค่ SPCG นี่ทำพลังงานสะอาด รู้แค่นี้เลยจริงๆ
ก็จัดการเปิด settrade ออกมาดูครับ ปรากฎว่า การมองของผมกับมันนั้นต่างกันอย่างมาก
ผมใช้เวลาแค่ 5-10นาที ปิดการวิเคราะห์แบบหย้าบหยาบบบ ของผม
ด้วยข้อความที่ส่งไปหามันดังนี้
มันตอบมาว่า รู้ป่าวว่าการกู้หรือการชำระหนี้ไม่เกี่ยวกับกำไร มันอยู่ที่CF
ซึ่งผมก็รุ้อยู่นะครับ แต่การที่จะเอาเงินกำไรหลัก 100 ไปใช้หนี้ระยะยาวหลักหมื่นเนี่ย
มันไม่ค่อยเซฟเลยสำหรับผม แถมกำไรจะแน่นอนมั้ยก็ยังไม่รู้
และที่ PE 35 คือคิดว่างบครึ่งปีนี้แล้ว*2 ซึ่งสูงสุด โดยไม่เอางบของปีก่อนมาเกี่ยวข้อง
ถ้าทำจะได้ pe ที่สูงกว่านี้มากครับ
คำถามต่อมาของมันคือ เวลาใช้หนี้Dr. Cr. อะไร
ซึ่งผมเคยไปอ่านหนังสือบัญชีเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว1รอบ
บอกเลยครับว่า งง ไม่ค่อยเข้าใจ ตรงนี้เลยยอมแพ้ไป ตอบไม่ได้ครับ
(ผมไม่ได้เรียนบัญชีนะครับ ผมเรียน com-sci.)
มันซัดกลับมาว่า
ซึ่งผมก็บอกว่า เฮ้ย ไม่ใช่ขนาดนั้นนะ แต่รายได้หรือการดำเนินธุรกิจต้องแน่นอนหน่อย
หรืออย่างน้อยขอให้เห็นภาพหน่อย อย่างผมถือ BGH ที่ PE 32-33 ได้ ด้วยเหตุผลต่างๆมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ DCA (durable competitive advantage) หรือการลงทุนเตรียมพร้อมรับ AEC ต่างๆ
ผมสรุปความสงสัยในใจ ในส่วนของ quantity (โดยไม่สนใจ quality) ไปหามัน ดังนี้
- แล้วก้ไม่รุ้ด้วย ปีหน้าจะหนี้เพิ่มรึเปล่า
- ไม่รุ้ดอกจะกินกำไรหมดมั้ย
- รายได้ กำไร จะแบบนี้รึเปล่า
- อาจจะก้าวกระโดดแบบที่มึงอยากได้ก้ได้ อันนี้กุไม่รุ้ เพราะไม่เคยดูตัวธุรกิจ
มันก็ยกตัวอย่างหุ้นอื่นๆที่เคยเกิดเหตุการณ์คล้ายกันนี้ครับ
เช่น bts หรือ ck ซึ่งอย่าง bts ก็เกิดได้จริงๆ แต่หลักในการลงทุนของผมยังไม่เปลี่ยน
bts แต่ก่อนนู้นผมมองว่าเฉยๆ หนี้ก็เยอะ
ขนาดคนเต็มรถ รายได้ยังแค่นี้ เมื่อเทียบกับราคาหุ้น ราคาจึงออกจะแพงไปหน่อย
จะเพิ่มรายได้แปลว่าต้องซื้อรถใหม่ เพิ่ม cost การลงทุนเข้าไปอีก
แต่ใครจะรู้ครับถ้าไม่ได้ศึกษาจริงๆว่าจะมีรถไฟฟ้าไปทั่วกรุงเทพ หรือตั้งกองทุนขึ้นมาด้วย
ทั้งยังกลายเป็นระบบขนส่งที่ดีวันดีคืน คนใช้มากขึ้นๆ
พออะไรๆชัดเจน ความน่าลงทุนก็เกิดขึ้นมาครับ
นี่จึงเป็นของดีของคนที่มอง trend ออก และเป็นข้อเสียของผมที่ยังมองไม่ออก
ต่อกันที่มันบอกว่ารอน่ะเซฟดี แต่ราคามันไม่รอนะ
ถ้าเราลงทุนแต่เนิ่นๆ โอกาสกำไรหลายๆเด้งก็มากกว่า
ผมตอบกลับไปแบบนี้ครับ (สีเขียว)
ผมคิดแบบนี้จริงๆนะครับ ว่าถ้าตัวธุรกิจ(อาจรวมถึงงบ)ยังไม่แสดงความชัดเจนออกมา
ผมจะรอจนกว่ามันจะชัดเจน กำไรอาจน้อยลงเยอะ แต่ดีกว่าเอาเงินไปเสี่ยง
และยิ่งเรามีเงินจำกัด บางทีเราควรเอาเงินก้อนนั้นไปลงทุนในหุ้นตัวที่เราเข้าใจและมั่นใจกว่า
หรื่อในกรณีของ vi ท่านอื่นๆ อาจบอกว่าเอาไปลงตัวที่มี MOS ดีกว่า
ที่พิมพ์มาให้อ่านนี่จะบอกว่าไม่มีใครถูกผิดหรอกครับ
ที่เราเถียงๆกัน มันมีประโยชน์กับทั้งคู่ ผมพัฒนาขึ้น ส่วนมันอาจได้มุมมองของคนที่เซฟขึ้น
มันอยู่ที่มุมมองจริงๆ ครับ ถ้าคนมองเหมือนๆกันหมด หุ้นทั้งตลาดราคาขยับไม่ได้หรอกครับ
อย่างเพื่อนผม มันมองว่าของดี ซื้อแพงตอนนี้ มันจะถูกมากในวันข้างหน้า
ก็คงคล้ายๆเคสที่ CPALL เทค MAKRO ไปน่ะครับ
ถ้ามันถูก มันก็อาจรวยจาก SPCG เลยก็ได้
เพราะดูๆแล้วถ้าลงทุนแต่เนิ่นๆ growth อาจจะมหาศาลเลยทีเดียว
ส่วนผมมองในแง่ของการตั้งรับ ถ้าอะไรๆยังไม่ชัดเจน
เราก็ไม่ควรเอาเงินไปเสี่ยง เพราะธุรกิจดีได้ก็พังได้เหมือนกัน
(อันนี้ผมตอบไม่ได้ เพราะมีเวลาไม่มากพอที่จะศึกษาตัวธุรกิจจริงๆ)
เราอาจนำเงินนั้นไปลงทุนในธุรกิจที่คิดว่าดีกว่าหรือมั่นใจมากกว่า จะดีกว่าครับ