ผมหายไปนานประมาณ1เดือน ต้องขอโทษด้วยนะครับ
วันนี้กลับมาผมก็หมดมุขสำหรับพื้นฐานต่างๆของหุ้นซะละ
เนื่องจากช่วง1เดือนที่ผ่านมาไม่ได้ทำการบ้านเท่าไหร่เลย
วันนี้เลยจะมาขออธิบายความหมายของตัวย่อ PE PBV EPS
ที่เรามักจะเห็นกันในบทวิเคราะห์ หรือข่าวต่างๆกัน ว่ามีความหมายยังไงนะครับ
เรามาเริ่มทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ
สำหรับบริษัทต่างๆนั้น สิ่งสำคัญมากๆสิ่งหนึ่งนั่นคือกำไรสุทธิ ซึ่งใช้คำภาษาอังกฤษว่า Earning (E)
มีวิธีดูง่ายๆโดยเข้าไปที่้เว็บ set.or.th หรือ settrade.com แล้วพิมพ์ชื่อหุ้นที่เราต้องการจะดูลงไป
หรือจะติดตามจากข่าวหรือเว็บของบริษัทนั้นๆโดยตรงก็ได้ครับ
เรามาเข้าเรื่องกันเลย
PE และ PBV นั้นเป็น ratio หรืออัตราส่วนในการเปรียบเทียบ อธิบายได้ดังนี้ครับ
PE
PE คือ P/E หรือคือ Price / Earning ซึ่งแปลได้ว่า ราคาหุ้นขณะนั้นๆ(P) หารกับกำไรใน1ปี(E)
( ซึ่งก็แล้วแต่นะครับ เราอาจคิดว่า1ปีนี้คือรอบ4ไตรมาสที่ผ่านมา หรือคาดเดาล่วงหน้าไป4ไตรมาสก็ได้
สำหรับคนที่งงๆ เอาเป็นว่า set.or.th กับ settrade.com เค้านำกำไรช่วง1ปีที่ผ่านมาใช้คำนวณนะครับ )
PE ภาษาไทยจะเรียกว่า ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ ปกติก็จะเรียกทับศัพท์กันไปเลยน่ะครับว่าคือ PE
ความหมายก็คือ ค่า PE จะบอกเราว่า เราต้องถือหุ้นนี้กี่ปีจึงจะคืนทุน (กรณีค่า E คงที่ไปเรื่อยๆ)
นั่นแปลว่ายิ่งต่ำก็ยิ่งดี เช่น หุ้นราคา 15บาท มีกำไรต่อปี 3บาทต่อหุ้น
เมื่อเราจับมาหารกันก็จะได้ 15/3 ซึ่งคือ P/E = 5 นั่นเอง
คิดง่ายๆว่า เราซื้อของมา 15บาท แต่ละปีของนี้จะให้เงินกับเราปีละ 3บาท ก็ต้องใช้เวลา 5ปี เราจึงจะคืนทุนครับ
เล่าซะยาวเลย สรุปง่ายๆโดยปกติแล้ว หากหุ้นนั้นๆอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ปัจจัยเหมือนๆกัน หุ้นที่มีค่า PE ต่ำกว่า แปลว่าจะถูกกว่านั่นเองครับ
ค่า E ในที่นี้ที่เราพูดถึงจริงๆแล้วมันก็คือเจ้า EPS หรือ Earning per share ครับ
หรือแปลว่า กำไรต่อหุ้นนั่นเอง
อธิบายหน่อยว่า Earning นั้น ปกติจะใช้แทนกำไรสุทธิของทั้งบริษัท
เช่น บริษัท TATAE ปีนี้กำไรสุทธิ 10ล้าน ก็คือ Earning = 10ล้าน
แต่บริษัท TATAE มีการจัดสรรหุ้นออกมาทั้งหมด 5ล้านหุ้น
ถ้าเราอยากรู้ว่า เอ๊ะ แต่ละหุ้นมีกำไรเท่าไหร่ เราก็เอา 10ล้าน/5ล้าน
แปลว่า EPS ของหุ้น TATAE มีค่า 2บาทครับ
EPS ค่านี้ก็เป็นตัวบอกกำไรตรงๆเลยครับ ยิ่งมากยิ่งดี
PBV
PBVคือ P/BV หรือคือ Price / Book value
Book value มันคือส่วนของผู้ถือหุ้นนั่นเอง
จาก สมการทางบัญชีที่ว่า สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของ ผถห.
จะได้ ส่วนของ ผถห. = สินทรัพย์ - หนี้สิน ก็คือสินทรัพย์ทั้งหลายลบหนี้สินออกไป (BV)
หรือจะเรียกว่า มูลค่าตามบัญชีก็ได้ครับ
[ BV นั้นก็กรณีเดียวกับ E คือจะใช้หน่วยเป็นต่อ 1หุ้นเหมือนกันนะครับ = Equity/Number of Shares ]
ปกติแล้วค่า P/BV นั้น ยิ่งต่ำยิ่งดี เพราะนั่นแปลว่า เราซื้อหุ้นได้ถูกกว่ามูลค่าของมัน
ตัวเลขที่ใช้เป็นฐานนั้น ปกติจะใช้ 1เท่า ดังนั้นถ้าเราซื้อหุ้นที่มีค่า PBV ต่ำกว่า1ได้ ก็แสดงว่าเราซื้อหุ้นได้ถูกกว่ามูลค่าของมันครับ (ซึ่งก็หาไม่ง่ายนะ)
แถมทริคกันหน่อยว่า อย่าพึ่งดีใจเกินไปหากพบ หุ้น PE ต่ำ PBV ต่ำ
เป็นไปได้ว่า EPS นั้น พึ่งจะมาดีเอาในปีนี้ อาจมาจากกำไรพิเศษ เช่นการขายที่ดิน
ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักเลย แบบนี้แปลว่า ปีอื่นๆก็จะไม่ได้กำไรสูงแบบนี้นะครับ
ส่วน BV นั้น อาจถูกกฎทางบัญชี ลงเอาไว้ว่า ให้ลงฒุลค่าไว้ตามราคาทุน
เช่น ที่ดินซื้อมา 10ล้านบาท มูลค่าทางบัญชีก็คือ 10ล้าน แต่เอาเข้าจริง
ผ่านไป3ปี ที่ดินผืนนั้นน้ำท่วมทุกปี ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ ราคาซื้อขายจริงๆ
อาจเหลือแค่ 7ล้าน แต่ BV เราจะยังไม่ลดไปเป็น 7ล้านนะครับ ตอนเราดูมันอาจจะยังค้างอยู่ที่ 10ล้าน
ตรงนี้ก็ต้องไปนั่งพิจารณากันดีๆครับ
จริงๆแล้วยังมีปัจจัยอีกหลายๆอย่าง เพื่อนๆอย่าพึ่งดูแค่ PE PBV อย่างเดียว
เพราะเราอาจโดน ratio พวกนี้หลอกเอาได้ ต้องดูปัจจัยอื่นๆประกอบไปด้วยครับ
เช่น กำไรมาจากการขายของธุรกิจหลักหรือไม่ ผบห.มีคุณธรรมมั้ย
ธุรกิจมีความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืนหรือไม่
สินทรัพย์ในบริษัทนั้นมีค่าจริงๆรึเปล่า ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมั้ย จากอะไร
บริษัทกำลังเสียส่วนแบ่งทางการตลาดหรือไม่
และอื่นๆครับ
หวังว่าจะพอเป็นแนวทางสำหรับเพื่อนๆมือใหม่ได้นะครับ